บาดแผลแยกหรือบาดแผลเปิด เป็นบาดแผลที่เกิดจากการฉีกขาดของผิวหนังหรือเนื้อเยื่อจากการถูกของมีคมบาด แทง กรีด หรือถูกวัตถุกระแทกแรงจนเกิดบาดแผล มองเห็นมีเลือดไหลออกมา อุปกรณ์ 1. ชุดทำแผล ได้แก่ ปากคีบ ถ้วยใส่สารละลาย สำลี ผ้าก๊อส ถุงมือ และพาสเตอร์ปิดแผล 2. สารละลาย ได้แก่ น้ำยาฆ่าเชื้อ และ น้ำเกลือล้างแผล 3. แอลกอฮอล์ 70% 4. เบตาดีน หรือ โปรวิดี ไอโอดีน * ท่านสามารถซื้อชุดทำแผลดังกล่าว ได้ตามร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ทั่วไป วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น 1. ใช้สำลีเช็ดเลือด และกดห้ามเลือด 2. ใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดรอบๆ แผล 3. ใช้สำลีชุบ เบตาดีน หรือ โปรวิดี ไอโอดีนใส่แผลสดทารอบๆ แผล 4. ใช้ผ้าพันแผล หรือพลาสเตอร์ปิดแผล 5. รีบน้ำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้กรณีบาดแผลรุนแรง ที่มา:
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นในการโดนมีดบาด (แผลสด) - YouTube
พยายามทำให้เลือดไหลออกจากบาดแผลให้มากที่สุด อาจทำได้หลายวิธี เช่น เอามือบีบ เอาวัตถุที่มีรูกดให้แผลอยู่ตรงกลางรูพอดี เลือดจะได้พาเอาพิษออกมาด้วย 3. ใช้แอมโมเนียหอมหรือทิงเจอร์ไอโอดี 2. 5% ทาบริเวณแผลให้ทั่ว 4. ถ้ามีอาการบวม อักเสบและปวดมาก ใช้ก้อนน้ำแข็งประคบบริเวณแผล เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดด้วย 5. ถ้าอาการยังไม่ทุเลาลง ต้องรีบนำส่งแพทย์ 3. แมงกะพรุนไฟ แมงกะพรุนไฟเป็นสัตว์ทะเลชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสารพิษอยู่ที่หนวดของมัน แมงกะพรุนไฟมีสีน้ำตาล เมื่อคนไปสัมผัสตัวมันจะปล่อยพิษออกมาถูกผิวหนัง ทำให้ปวดแสบปวดร้อนมาก ผิวหนังจะเป็นผื่นไหม้ บวมพองและแตกออก แผลจะหายช้า ถ้าถูกพิษมากๆ จะมีอาการรุนแรงถึงกับเป็นลมหมดสติและอาจถึงตายได้ วิธีการปฐมพยาบาล 1. ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือทรายขัดถูบริเวณที่ถูกพิษแมงกะพรุนไฟ เพื่อเอาพิษที่ค้างอยู่ออกหรือใช้ผักบุ้งทะเลซึ่งหาง่ายและมีอยู่บริเวณชายทะเล โดยนำมาล้างให้สะอาด ตำปิดบริเวณแผลไว้ 2. ใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์เป็นด่าง เช่น แอมโมเนียหรือน้ำปูนใส ชุบสำลีปิดบริเวณผิวหนังส่วนนั้นนานๆ เพื่อฆ่าฤทธิ์กรดจากพิษของแมงกะพรุน 3. ให้รับประทานยาแก้ปวด 4. ถ้าอาการยังไม่ทุเลาลง ให้รีบนำส่งแพทย์โดยเร็ว 4.
ถ้าต้องออกจากบ้านเวลากลางคืนหรือต้องเดินทางเข้าไปในป่าหรือทุ่งหญ้าหรือในที่รก ควรสวมรองเท้าหุ้มส้นหรือรองเท้าหุ้มข้อและสวมกางเกงขายาว 2. ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในที่รกเวลากลางคืนหรือเดินทางไปในเส้นทางที่น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยหรือที่หากินของงู ถ้าจำเป็นควรมีไฟส่องทางและควรใช้ไม้แกว่งไปมาให้มีเสียงดังด้วย แสงสว่างหรือเสียงดังจะทำให้งูตกใจหนีไปที่อื่น 3. หากจำเป็นต้องเดินทางไปในที่มีงูชุกชุมหรือเดินทางไปในที่ซึ่งมีโอกาสได้รับอันตรายจากงูกัด ควรระมัดระวังเป็นพิเศษและควรเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลติดมือไปด้วย 4. เวลาที่งูออกหากินคือเวลาที่พลบค่ำและเวลาที่ฝนตกปรอยๆ ที่ชื้นแฉะ งูชอบออกหากินกบและเขียด ในเวลาและสถานที่ดังกล่าว ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ 5. ไม่ควรหยิบของหรือยื่นมือเข้าไปในโพรงไม้ ในรู ในที่รก กอหญ้า หรือกองไม้ เพราะงูพิษอาจอาศัยอยู่ในที่นั้น การปฐมพยาบาลผู้ป่วยเป็นลม การเป็นลมแดด สาเหตุ เกิดจากสมองมีเลือดไปเลี้ยงมากเกินไป ซึ่งอาจเนื่องมาจากอยู่กลางแดดนานเกินไปหรือดื่มสุราขณะที่อากาศร้อนจัด เป็นต้น อาการ ใบหน้าและนัยน์ตาแดง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำ หายใจถี่ ชีพจรเต้นเร็วและเบา ผิวหนังและใบหน้าแห้ง ตัวร้อน ถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการชักและหมดสติได้ 1.
ปฐมพยาบาลบาดแผลเบื้องต้น - YouTube
ใช้เชือก สายยาง สายรัด หรือผ้าผืนเล็กๆ รัดเหนือแผลประมาณ 5-10 เซนติเมตร โดยให้บริเวณที่ถูกรัดอยู่ระหว่างแผลกับหัวใจ รัดให้แน่นพอสมควร แต่อย่าให้แน่นจนเกินไป พอให้นิ้วก้อยสอดเข้าได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พิษงูเข้าสู่หัวใจโดยรวดเร็ว และควรคลายสายที่รัดไว้ ควรใช้สายรัดอีกเส้นหนึ่งรัดเหนืออวัยวะที่ถูกงูกัดขึ้นไปอีกเปลาะหนึ่ง เหนือรอยรัดเดิมเล็กน้อยจึงค่อยคลายผ้าที่รัดไว้เดิมออก ทำเช่นนี้ไปจนกว่าจะได้ฉีดยาเซรุ่ม 2. ล้างบาดแผลด้วยน้ำด่างทับทิมแก่ๆ หลายๆ ครั้ง และใช้น้ำแข็งหรือถุงน้ำแข็งประคบหรือวางไว้บนบาดแผล พิษงูจะกระจายเข้าสู่ร่างกายได้ช้าลง 3. ให้ผู้ป่วยนอนอยู่ในท่าที่บาดแผลงูพิษกัดอยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ นอนอยู่นิ่งๆ เคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด เพื่อไม่ให้พิษงูกระจายไปตามร่างกาย และควรปลอบใจให้ผู้ป่วยสบายใจ 4. ไม่ควรให้ผู้ป่วยเสพของมึนเมา เช่น กัญชา สุรา น้ำชา กาแฟ เพราะจะทำให้หัวใจเต้นแรง อาจทำให้พิษงูกระจายไปทั่วร่างกายเร็วขึ้น 5. รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ถ้านำงูที่กัดไปด้วยหรือบอกชื่องูที่กัดได้ด้วยยิ่งดี เพราะจะทำให้ เลือกเซรุ่มแก้พิษงูได้ตรงตามพิษงูที่กัดได้ง่ายยิ่งขึ้น การป้องกันงูพิษกัด 1.